จิบแรกในชีวิต เกิดขึ้นในห้องสมุดมืดๆในโรงเรียนสมัยประถม มันเป็นกาแฟชงสำเร็จรูปพร้อมดื่มของคุณครู ซึ่งผมไม่ชอบรสชาติขมของมันเลย

จุดเริ่มต้นความบ้าเรื่องกาแฟนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน มันเกิดขึ้นหลังจากผมกลับมาจากต่างประเทศ (ไปเรียนภาษาไม่ได้เท่อะไร) แล้วอยากดื่มกาแฟดีๆสักแก้ว ซึ่งในเวลานั้นผมง้างที่จะซื้อเครื่องชงกาแฟ หรือเรียกอีกอย่างว่า Espresso Machine แบบที่ร้านกาแฟสดเขาใช้ชงขายกัน เพื่อจะมาชงดื่มเอง แต่จนแล้วจนรอด ถึงทุกวันนี้ ผ่านมาเกิน 5 ปี ผมก็ไม่ได้เป็นเจ้าของซักเครื่อง เป็นเพราะผมได้พบกับแรงบันดาลใจใหม่ นั่นคือการชงแบบ Filter Pour-Over หรือ Drip กาแฟนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของรสชาติถ้าให้เทียบอันไหนดีกว่ากันนั้นไม่ใช้เรื่องที่จะตัดสินได้ เพราะความชอบขึ้นอยู่กับแต่ละคน เหตุผลของผมเพียงแค่ว่าอุปกรณ์ในการ Drip ราคาถูกกว่าเท่านั้นเอง ทุกวันนี้ก็ยังอยากได้เครื่อง Espresso Machine อยู่ดี เพราะบางวันเราอยากดื่มรสชาติแบบเข้มๆ (ไม่ได้หมายถึงแบบขมๆนะ) หรือบางทีทำให้พ่อแม่เราดื่มแบบที่ท่านๆชอบกัน

จะไม่กล่าวเลยคงจะไม่ได้ ว่าสิ่งที่มาสะกิดทำให้โลกของกาแฟของผมเปลี่ยนไปจากเดิม มาจากรายการนึงของ a day ที่โหน่งคุณวงศ์ทนงเป็นผู้สัมภาษณ์เจ้าของร้านกาแฟย่านเอกมัย ชื่อว่า Roots Coffee เจ้าของร้านได้นำเสนอวิธีการชงกาแฟเพื่อดื่มหลายๆรูปแบบ ซึ่งทำให้ผมค้นพบโลกของกาแฟที่กว้างมากขึ้น (ออกมานอกกะลาซะที) ทำให้ผมได้รู้ว่า การที่จะได้กาแฟดีๆสัก 1 แก้ว มีขั้นตอนและวิธีการที่สำคัญหลายอย่าง ตั้งแต่การชั่งนำหนักของกาแฟ, อุณหภูมิ ไปจนถึงเวลาในการชง ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก

จากแรงบันดาลใจในวันนั้น จนถึงทุกวันนี้ ก็ผ่านมาเกิน 5 ปี ผมได้ใช้เวลาทดลองสิ่งต่างๆเพื่อให้ได้กาแฟ 1 แก้วที่ผมชอบในทุกๆวัน ด้วยการชงหลายๆวิธี, ค้นหาเมล็ดกาแฟทั้งในไทยและต่างประเทศ, ทดลองการคั่วกาแฟเองที่บ้าน รวมถึงศึกษาวิธีการปลูกกาแฟ, การเก็บเกี่ยวผลเชอร์รี่ และนำมาทำ Process จนกลายเป็นเมล็ดกาแฟที่พวกเราคุ้นเคย สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมยิ่งหลงรักกาแฟมากขึ้น แต่ก็รู้ว่าตัวเองนั้นยังอ่อนเรื่องเกี่ยวกับการทำโปรเซส ที่เป็นการเริ่มจากต้นน้ำที่แท้จริง เพราะเป็นการศึกษาจากหนังสือเพียงเท่านั้น หรือบางครั้งก็จะได้คุยกับรุ่นพี่ในวงการที่เขาไปทำงานจริงๆที่ไร่กาแฟบ้าง ตัวผมนั้นไม่ได้ปฏิบัติจริง ถ้าผมได้มีโอกาส ผมก็อยากขึ้นไปช่วยเหลือพี่ๆชาวไร่ และได้เรียนรู้วิถีการเกษตรแบบของจริงที่ไม่ใช่เพียงแค่การอ่านจากหนังสือ เพราะสุดท้ายแล้วเป้าหมายในชีวิตผมนั้น ก็คือได้เป็นเจ้าของไร่กาแฟที่ผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง ให้ชาวต่างชาติได้รับรู้

จากความชอบกาแฟ จนกลายเป็นเว็บไซต์ www.coffeebucket.net จุดประสงค์เพียงเพื่อแค่แจกจ่ายหรือให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟ ซึ่งผมหวังว่าจะทำให้คนได้รู้จักกับกาแฟมากขึ้น หรือเป็นแรงบันดาลใจให้ใครสักคนที่ชอบในเรื่องของกาแฟ เหมือนกับที่ผมได้พบเจอมา

จากรักแรกพบที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่มาเป็นสิ่งที่ผมรัก